Competency หัวใจของการบริหารคนยุคใหม่
ในยุคที่องค์กรต้องการ “คนที่ใช่” มากกว่า “แค่คนทำงานได้” หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพบุคลากร คือ “Competency” หรือ “สมรรถนะ” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ใช้กันทั่วโลกในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างเป็นระบบ
Competency ไม่ใช่แค่ทักษะ (Skill) แต่คือ “พฤติกรรม ความรู้ และทัศนคติ” ที่ทำให้บุคคลสามารถปฏิบัติงานได้อย่างโดดเด่นและสอดคล้องกับค่านิยมขององค์กร
Table of Contents
Competency คืออะไร
Competency (สมรรถนะ) หมายถึง ชุดของ “ความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และพฤติกรรม (Behavior)” ที่ทำให้บุคคลสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร
กล่าวอย่างง่าย — Competency คือ “สิ่งที่ทำให้คนเก่งกว่าแค่ทำงานได้ แต่ทำงานได้ดีและแตกต่าง”
ทำไม Competency จึงสำคัญ
- เชื่อมโยงกลยุทธ์องค์กรกับการบริหารคน
Competency เป็นเครื่องมือที่ทำให้กลยุทธ์องค์กรแปลงเป็นพฤติกรรมของพนักงานได้จริง - ใช้เป็นมาตรฐานเดียวในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (HR System Integration)
เช่น การสรรหา การประเมินผล การฝึกอบรม การพัฒนา และการเลื่อนตำแหน่ง - ช่วยให้การพัฒนาเป็นระบบมากขึ้น
เมื่อรู้ว่าพนักงานมี Competency ระดับใด ก็สามารถวางแผนพัฒนา (IDP) ได้ตรงจุด - สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่สอดคล้องกับค่านิยมองค์กร
Competency คือเครื่องมือที่ช่วยปลูกฝังค่านิยมให้กลายเป็นพฤติกรรมจริงในที่ทำงาน
ประเภทของ Competency
โดยทั่วไป Competency แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1) Core Competency – สมรรถนะหลักขององค์กร
พฤติกรรมหรือคุณลักษณะที่องค์กรต้องการให้พนักงานทุกคนมี เช่น
- การมุ่งเน้นลูกค้า (Customer Focus)
- การทำงานเป็นทีม (Teamwork)
- ความซื่อสัตย์และจริยธรรม (Integrity)
2) Managerial Competency – สมรรถนะด้านการบริหาร
ใช้กับหัวหน้างานหรือผู้บริหาร เช่น
- ภาวะผู้นำ (Leadership)
- การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking)
- การบริหารคนและการโค้ชทีม (People Management)
3) Functional Competency – สมรรถนะเฉพาะสายงาน
ใช้กับพนักงานแต่ละสายอาชีพ เช่น
- ด้านการเงิน: ความเข้าใจงบประมาณ การวิเคราะห์ตัวเลข
- ด้านเทคนิค: ความเชี่ยวชาญในเครื่องมือหรือระบบ
- ด้าน HR: การบริหารโครงสร้างเงินเดือน การสรรหา การประเมินผล
การมี Competency ครบทั้ง 3 มิติ จะทำให้การบริหารคนขององค์กรมีความเป็นระบบและแม่นยำมากขึ้น
หลักคิดจากทฤษฎีสู่การประยุกต์ใช้จริง
แนวคิดเรื่อง Competency เริ่มต้นจากผลงานของ David McClelland (1973) ที่เสนอว่า
“การวัดความสามารถของคน ควรมองจากสิ่งที่เขาทำได้จริง ไม่ใช่แค่คุณวุฒิหรือคะแนนสอบ”
ต่อมามีการพัฒนาแนวคิดโดย Boyatzis (1982) และ Spencer & Spencer (1993) ที่อธิบายว่า Competency คือพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างต่อเนื่องจนเกิดผลลัพธ์ที่ดีในงาน
ในปัจจุบัน หลายองค์กรนำแนวคิดนี้มาใช้กับระบบ HRM ทั้งหมด เช่น
- สร้าง Competency Dictionary เป็นฐานข้อมูลกลาง
- ใช้แบบประเมิน Competency Assessment เพื่อหาช่องว่าง (GAP)
จัดทำ Career Path & IDP เพื่อพัฒนาพนักงานต่อเนื่อง
ขั้นตอนการพัฒนา Competency Model
- กำหนดกลยุทธ์และคุณค่าหลักขององค์กร
เพื่อให้สมรรถนะสะท้อนเอกลักษณ์ขององค์กร - วิเคราะห์งาน (Job Analysis)
ระบุภารกิจหลักและพฤติกรรมที่จำเป็นในแต่ละตำแหน่ง - ออกแบบ Competency Dictionary
สร้างชุดคำจำกัดความและระดับความชำนาญ (Proficiency Levels) - ทดสอบและปรับใช้จริง
ใช้ประเมินพนักงานจริง เพื่อดูว่าโมเดลเหมาะสมและเข้าใจง่ายหรือไม่ - เชื่อมโยงกับระบบ HR อื่น ๆ
เช่น KPI, Performance, Training, Succession Planning
แนวโน้ม Competency ในยุคดิจิทัล
Competency ไม่ได้หยุดอยู่ที่ “ทักษะในงาน” อีกต่อไป แต่ขยายไปสู่ “ทักษะในอนาคต (Future Skills)”
แนวโน้มใหม่ของ Competency ที่องค์กรควรให้ความสำคัญ ได้แก่
- Digital Competency: ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล และข้อมูล
- Agility & Adaptability: ความยืดหยุ่นและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
- Data Literacy: การใช้ข้อมูลวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจ
- Emotional Intelligence (EQ): ความเข้าใจตนเองและผู้อื่นเพื่อสร้างทีมที่แข็งแรง
- Sustainability Mindset: การทำงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม
Competency ในอนาคตไม่ใช่แค่ “เก่งในงาน” แต่ต้อง “เก่งในการเปลี่ยนแปลง” ด้วย
บทเรียนสำหรับผู้บริหาร
- Competency ต้องเริ่มจากกลยุทธ์องค์กร — อย่าใช้โมเดลทั่วไป แต่ต้องออกแบบให้สะท้อนเอกลักษณ์องค์กรของคุณ
- ควรใช้เป็นเครื่องมือ “พัฒนา” มากกว่า “ประเมิน” — เน้น Feedback และ Coaching แทนการให้คะแนน
- ผู้นำต้องเป็น Role Model ของ Competency — เพราะพฤติกรรมของผู้นำคือสิ่งที่พนักงานจะเลียนแบบ


